สารบัญบทความ
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป จากเดิมที่ทำงานในออฟฟิศก็เปลี่ยนมาเป็น WFH รวมถึงโอกาสที่จะออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ก็น้อยลงตามไปด้วย ยิ่งทำให้การจะได้จับพวงมาลัยแล้วขับรถออกไปแทบจะไม่มี รถก็ได้แต่จอดทิ้งไว้นาน ๆ แต่วันดีคืนดีต้องใช้รถขึ้นมา แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่อยากขับ ๆ ไป แล้วรถไปตายกลางทาง หรือรถเกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด วันนี้เราจึงมีวิธีดูแลรถที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ให้ยังใช้ได้ แถมยังดูเหมือนใหม่อีกด้วย
แบตเตอรี่
หลายคนต้องเคยเจอกับปัญหาเมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน พอกลับมาใช้งาน พบว่ารถสตาร์ทไม่ติดเนื่องจากแบตเสื่อม แบตหมด ไม่มีประจุ จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ไม้ได้ใช้งานหรือไม่มีการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าไว้เลย ทำไมแบตถึงพังได้ นั่นเป็นเพราะแม้ว่าเราไม่ได้ใช้งานก็จริง แต่แบตเตอรี่ยังคงมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าเลี้ยงระบบภายในรถอย่างระบบกันขโมย รวมถึงแบตเตอรี่หมดประจุจากการที่ไม่สตาร์ทเครื่องเลย ถ้าหากเราปล่อยให้แบตหมดแล้วพ่วงอยู่เรื่อย ๆ ก็จะเป็นสาเหตุให้แบตเสื่อมได้นั่นเอง
Tips : รถที่ไม่ได้ใช้งานนาน ๆ ควรถอดขั้วแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และป้องกันการเสื่อมสภาพ
สตาร์ทรถเป็นระยะ
การสตาร์ทเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์ได้ทำงานและปล่อยให้ไฟเข้าแบตเตอรี่บ้าง การปล่อยรถทิ้งไว้เฉย ๆ มีแต่จะทำให้แบตเสื่อมไวขึ้นเรื่อย ๆ
Tips : หมั่นสตาร์ทรถเป็นระยะ โดยความถี่สามารถทำได้ตั้งแต่ทุก ๆ 2 วัน – ทุก ๆ 2 สัปดาห์ และควรสตาร์ทรถให้นานมากพอที่ประมาณครั้งละ 15 นาที แต่ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้นำรถออกไปอุ่นเครื่องสัก 15-20 นาที เพื่อชาร์จไฟคืน อีกทั้งยังช่วยให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ทำงานบ้าง เหมือนได้รับการหล่อลื่น และช่วยไม่ให้เกิดการติดขัดเฉพาะจุด เหมือนคนเรา หากร่างกายไม่ได้ขยับนาน ๆ ก็จะมีฝืด ติดขัดกันบ้าง
ตรวจเช็คของเหลวภายในรถ
หากรถไม่ได้นำออกไปวิ่งนาน ๆ ให้ตรวจเช็คของเหลวภายในรถว่ามีมากพอหรือไม่ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ที่จะช่วยหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดสนิม
Tips : สำหรับน้ำมันเครื่อง โดยทั่วไปเราจะเปลี่ยนโดยการเช็คระยะทางที่ใช้ไป ทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ 10,000 กิโลเมตร แต่ในกรณีที่เราไม่ได้ใช้รถนาน ๆ อาจจะต้องอ้างอิงตามระยะเวลาแทน อยู่ที่ทุก ๆ 6 เดือน ความคิดที่อันตรายมาก ๆ คือ ไม่ได้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็ได้ อย่าลืมว่าน้ำมันมีวันหมดอายุและเสื่อมสภาพด้วยตัวมันเองได้ด้วยค่ะ ส่วนน้ำในหม้อน้ำก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนแห้งสนิท เพราะจะทำให้เกิดการสึกหรอได้
เช็คลมยางและยางรถยนต์
การจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ นั้น น้ำหนักของรถที่กดทับลงมาจุดเดียว อาจจะทำให้เกิดอาการยางไม่คืนตัว โดยเกิดการยุบตัวของโครงยางส่วนหน้า ที่สัมผัสกับพื้นได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่เคยตรวจเช็คเลย และนำออกไปวิ่ง อาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยเฉพาะหากรถคันไหนที่จอดนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป แนะนำว่าไม่ควรขับออกไปค่ะ แต่ควรยกรถตั้งบนแท่นวางทั้ง 4 ล้อ ซึ่งทำให้น้ำหนักรถไม่กดทับลงบนยาง เป็นการรักษารูปร่างของยาง
Tips : การเติมลมยางควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ จะช่วยให้มีลมมากพอที่จะรักษารูปทรงของโครงสร้างยางให้เป็นปกติมากที่สุด อีกทั้งควรนำรถออกไปขับบ้างเพื่อเปลี่ยนจุดสัมผัสระหว่างตัวยางรถกับพื้นท้องถนน
ควรหาที่จอดรถที่เหมาะสม
หากใครเคยเห็นรถที่จอดอยู่กลางแจ้งเป็นประจำ จะพบว่าสีก็พัง ฟิล์มก็พัง ยางก็พัง หากใครที่อยากจะถนอมรถให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ ควรหลีกเลี่ยงสถานที่จอดรถที่โดนแสงแดดและฝนหรือความชื้นอื่น ๆ
Tips : แม้ว่าจะควรจอดรถในที่ร่ม แต่ถ้าทำได้ ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากกิ่งไม้อาจะหัก หรือยางไม้อาจหล่นใส่รถได้ รวมถึงไม่ควรจอดรถในที่รกร้าง เพื่อป้องกันสัตว์ในระแวกนั้นเข้ามาอยู่อาศัยและกัดทำลายชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น หนู งู อย่าลืมที่จะใช้ผ้าคลุมรถเอาไว้ด้วย
ควรทำความสะอาดรถบ้าง
โดยเฉพาะหากใครมีรถสีดำหรือสีเข้ม สังเกตเห็นได้บ่อยครั้ง เพียงแค่ผ่านไปไม่กี่วัน จะพบฝุ่นเกาะตามตัวรถ และหากรถเป็นสีขาวก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้น เมื่อมีคราบสกปรกมาเกาะ ส่วนภายในสามารถดูดฝุ่นตามเบาและถอดซักล้างพรมปูพื้นก็จะยิ่งดีมากขึ้น
Tips : ระวังคราบสกปรกประเภทยางไม้ ที่อาจติดแน่นและทำร้ายพื้นผิวรถยนต์ หากต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ แนะนำให้ลงแว๊กซ์เพื่อปกป้องพื้นผิวและสีของรถยนต์
เติมน้ำมันให้เต็มถัง
แม้ไม่ได้ใช้งานรถ แต่ความเสื่อมก็ไม้ได้หยุดไปช่วงเวลาที่เราไม่ได้ใช้งานเลยค่ะ ดังนั้นจึงควรน้ำมันให้เต็มถัง เนื่องจากถ้าถังน้ำมันภายในมีที่ว่างจะเกิดการควบแน่นของความชื้นกลายเป็นหยดน้ำเกาะตามพื้นที่ว่างในถังน้ำมัน ก็จะทำให้เป็นสนิม ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบน้ำมันภายในท่อรถอุดตันได้ด้วยค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการดูแลรถหากต้องจอดทิ้งไว้นาน ๆ เพื่อให้ลดความเสื่อมสภาพและดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ อ่านจบ อย่าลืมไปเช็ครถของคุณด้วยนะคะว่ายังโอเคหรือเปล่า