สารบัญบทความ
สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการเช็ครถที่ดูสภาพดีแล้ว การซื้อรถมือสองเพื่อให้ได้ครอบครองรถในชื่อของตัวเองนั้นก็อยู่ที่ขั้นตอนการโอนรถนี่ล่ะค่ะ เพราะหากปราศจากการโอนรถอย่างถูกต้อง อาจจะเกิดปัญหากรรมสิทธิ์ตามมาภายหลังได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการโอนรถมือสองมากฝากกัน ว่ามีวิธีการอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง รวมถึงมีอะไรที่เราควรต้องรู้หากคิดจะโอนรถมือสอง
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับการโอนรถมือสอง
หากใครคิดจะไปโอนรถมือสองแล้วล่ะก็ สิ่งที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย นั่นคือเอกสาร คุณจะต้องเตรียมไปให้ครบ เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งเอกสารที่ใช้มีดังนี้
- หลักฐานประจำตัวผู้โอนและผู้รับโอน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ อย่าลืมระบุให้ชัดเจนด้วยว่าเอกสารนี้ใช้โอนกรรมสิทธิ์รถรุ่นใด ป้ายทะเบียนอะไร สีอะไร เพื่อป้องกันการนำไปสวมรอยหรือปลอมแปลง
- หลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี สัญญาซื้อขาย
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง
แต่ในกรณีที่เจ้าของรถเสียชีวิตไปแล้ว หรือไม่สามารถไปดำเนินการได้ด้วยตัวเอง ก็จะมีรายละเอียดเอกสารเพิ่มเติม ได้แก่
- สำเนาใบมรณบัตร (กรณีเจ้าของรถเสียชีวิต)
- คำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา (กรณีโอนรับมรดก)
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอง (กรณีผู้โอนหรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง)
*สำหรับการโอนรถยนต์นี้ ผู้โอนและผู้รับโอนรถยนต์จะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน นับจากวันที่ โอนรถยนต์กันจริง หรือวันที่ซื้อขายกัน หากไม่แจ้งนายทะเบียนตามที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมด้วย
ค่าใช้จ่ายในการโอนรถมือสอง
นอกจากเอกสารที่ต้องใช้แล้ว โดยในการโอนรถแต่ละครั้งยังมีค่าธรรมเนียมจำนวน 1,905 บาท เราสามารถนำเงินไปเผื่อ ๆ ก็ได้ค่ะ ซึ่งแยกรายละเอียดดังนี้
- ค่าคำขอ 5 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ 500 บาทต่อราคาประเมินรถทุก 100,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมโอนรถยนต์ 100 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ก็จะเท่ากับ 1,000 บาท
- ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน 200 บาท (หากจะเปลี่ยน)
- ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน 200 บาท (กรณีเล่มทะเบียนขาด เก่า หรือ ชำรุด)
ขั้นตอนในการโอนรถมือสอง
เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการโอนรถ ซึ่งคุณสามารถไปติดต่อดำเนินเรื่องที่สำนักงานกรมขนส่งใกล้บ้าน ตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ตามลิงก์นี้ > สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร แต่สำหรับใครที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถไปโอนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดนั้น ๆ โดยสามารถทำตามดังขั้นตอนต่อไปนี้
- กรอกแบบฟอร์มคำขอรับการโอนรถที่ส่วนงานทะเบียนของสำนักงานขนส่ง
- นำรถเพื่อเข้ารับการตรวจสอบที่งานตรวจสภาพรถยนต์ (ยกเว้นกรณีโอนปิดบัญชีจากผู้ให้เช่าซื้อไปยังผู้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ไม่ต้องตรวจสอบรถ)
- ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และชำระค่าธรรมเนียมที่งานทะเบียนรถ
- รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน
- รับใบเสร็จรับเงิน พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้ายทะเบียนรถ
รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์มือสองสามารถใช้วิธีการโอนเดียวกันได้หรือไม่
หลายคนอาจจะตั้งคำถามนี้อยู่ในใจว่า เอกสารและขั้นตอนการโอนดังกล่าวข้างต้นนี้สามารถทำได้กับรถมอเตอร์ไซค์มือสองด้วยไหม คำตอบก็คือ มีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกันเลยค่ะ ต่างกันแค่การโอนรถมอเตอร์ไซค์มือสองนั้นจะมีการตรวจสภาพก่อน จึงจะไปกรอกแบบฟอร์มคำขอรับการโอนรถ
สำหรับใครที่ต้องการจะโอนรถยนต์มือสอง อย่าลืมศึกษารายละเอียดข้างต้นให้พร้อมเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองนะคะ แต่หากมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูที่ กรมการขนส่งทางบก ได้เลยค่ะ