รู้หรือไม่ หากรถน้ำมันหมด ไฟเตือนขึ้น จะวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน?

เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นไฟเตือนบนหน้าปัดกระพริบขึ้นมา เจ้าของรถต้องรีบตรวจสอบหาสาเหตุของไฟเตือนดังกล่าวโดยด่วน ซึ่งไฟเตือนที่อาจจะเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ ไฟเตือนเป็นรูปถังน้ำมันที่คนขับรถทุกคนเห็นแล้ว ก็ต้องรู้ว่าน้ำมันใกล้จะหมดแล้ว ซึ่งหลายคน เมื่อเห็นสัญญาณไฟเตือนว่าน้ำมันจะหมดแล้ว ก็ตกใจ กลัวว่าน้ำมันจะหมด ซึ่งความจริงแล้วเมื่อไฟเตือนน้ำมันหมดแล้ว รถจะวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน มาดูคำตอบนี้ในบทความนี้กัน

ไฟกระพริบ เตือนน้ำมันใกล้หมด สำคัญมากน้อยแค่ไหน

เหตุการณ์รถยนต์น้ำมันหมดกลางทาง ก่อนไปถึงจุดหมาย เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเจอนัก ยิ่งหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ในตอนกลางคืน หรือ ในทางเปลี่ยวที่รถไม่ค่อยผ่าน ก็ทำให้เกิดความลำบากมากขึ้นอีกหลายเท่า ดังนั้นคนขับรถควรให้ความใส่ใจในการดูสัญญาณเตือนที่เป็นรูปถังน้ำมันบนหน้าปัดรถอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องเติมน้ำมันแล้วหรือยัง ดีกว่าการที่ขับรถไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้เหลือบตามองสัญญาณเตือนเลย จนทำให้น้ำมันหมด รถไปต่อไม่ได้ ต้องเดือดร้อนตามหาคนช่วยมาเติมน้ำมันให้ซึ่งบางครั้งในหลายสถานการณ์ก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น โดยเฉพาะการขับรถในระยะทางไกลหรือขับรถในตอนกลางคืน

นอกจากนี้ การขับรถไปจนน้ำมันหมด จนรถดับไปคาพวงมาลัย ก็ไม่ใช่เรื่องดี สำหรับเครื่องยนต์ของรถเลย เพราะเมื่อน้ำมันใกล้จะหมด ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ที่ปกติจะทำหน้าที่ในการดูดน้ำมันขึ้นมาเพื่อส่งต่อไปยังเครื่องยนต์ จะทำการดูดตะกอนที่อยู่ในตัวถังขึ้นมาแทน ทำให้มีโอกาสอย่างมาก ที่ตะกอนเหล่านี้จะเข้าไปอุดตันตัวปั๊มได้ และหากขับไปเรื่อยๆจนน้ำมันหมดจริงๆ ตัวปั๊มก็จะทำการดูดอากาศขึ้นมาแทน ทำให้ปั๊มเกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันหมด หรือ ใกล้จะหมดบ่อยๆ 

รถน้ำมันหมด ไฟเตือนขึ้น วิ่งได้อีกไกลแค่ไหน

หลายครั้งที่ขับรถแล้วเห็นสัญญาณไฟเตือนรูปถังน้ำมันกระพริบขึ้น มาหลายคนอาจจะตกใจ เพราะคิดว่าน้ำมันหมดแล้ว แต่ความจริงแล้ว เมื่อไฟกระพริบเตือนขึ้น จะยังสามารถขับรถต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ก่อนที่เครื่องยนต์จะดับลง โดยสัญญาณไฟเตือนจะแสดงขึ้นมาเมื่อน้ำมันในถังเหลืออยู่ประมาณ 5-10 ลิตร ที่สามารถขับต่อไปได้อีกประมาณ 35-40 กิโลเมตร ในขณะที่รถบางรุ่น อาจขับต่อไปได้อีกประมาณ 50 กิโลเมตร ดังนั้น เมื่อสัญญาณไฟเตือนแสดงขึ้นมา ก็ยังไม่ต้องตกใจ เพราะยังสามารถขับต่อไปได้ในอีกระยะหนึ่ง แต่ก็ต้องรีบหาปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันรถโดยด่วน เพราะการขับรถที่น้ำมันใกล้หมดนั้นไม่ดีต่อเครื่องยนต์แน่นอนดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาในปัจจุบันนี้ มีอยู่หลายรุ่นที่มีฟีเจอร์ช่วยคำนวณระยะทางที่สามารถขับรถต่อไปได้อีกกี่กิโลเมตร แต่ทั้งนี้ ก็จะเป็นเพียงการคำนวณแบบคร่าวๆ ซึ่งอาจจะไม่สามารถขับได้ถึงระยะทางตามที่คำนวณออกมา ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่สัญญาณไฟเตือนแสดงขึ้นมาก็ควรรีบหาปั๊มน้ำมันในรัศมีใกล้ๆ นั้นให้เร็วที่สุด

เทคนิคการขับประคองรถเมื่อน้ำมันใกล้หมด

แม้ว่าหลังจากที่สัญญาณไฟกระพริบเตือนน้ำมันหมดแสดงขึ้นมา จะสามารถขับรถไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่คนขับก็ควรมีเทคนิคในการขับรถที่ช่วยประหยัดน้ำมันให้มากที่สุดในระหว่างที่กำลังหาปั๊มน้ำมัน โดยเทคนิคการขับประคองรถเพื่อให้สามารถขับไปได้จนถึงปั๊มน้ำมันสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้

  1. หากเป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน ควรเปิดแผนที่ขึ้นมาดูว่าปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน และอยู่ห่างจากจุดที่อยู่นี้กี่กิโลเมตร วิธีการหาคือเปิด Google map ในมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์คำว่า ‘ปั๊มน้ำมัน’ ลงไป จากนั้น แผนที่ก็จะแสดงปั๊มน้ำมันในบริเวณใกล้เคียงขึ้นมา ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ไม่ต้องขับวนหาไปเรื่อยที่อาจจะทำให้หลงทิศทางและทำให้น้ำมันหมดเสียก่อนจะถึงปั๊มได้
  2. ออกตัวรถแบบเบาๆ หลีกเลี่ยงการออกรถแบบกระชาก เพราะทำให้มีการใช้พลังงานน้ำมันมากขึ้น และ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเร่งความเร็วแซงรถข้างหน้า ควรรักษาระดับความเร็วให้คงที่ ใช้วิธีการชะลอรถแทนการเบรกรถแรงๆ 
  3. ขับรถด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ความเร็วที่แนะนำคือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-15 % ในขณะที่การขับรถเร็วขึ้นกว่านี้เป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 6 % เลยทีเดียว พยายามรักษาระดับความเร็วให้คงที่ อย่าขับช้าบ้างเร็วบ้าง ที่จะทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้น
  4. เข้าเกียร์ว่างเมื่อรถติด แทนการเข้าเกียร์เดินหน้าทิ้งไว้ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันลงไปได้พอสมควร
  5. ลดระดับแอร์ในรถลง เพราะการทำงานของเครื่องปรับอากาศในรถนั้น ต้องใช้พลังงานน้ำมันเช่นเดียวกัน  รวมทั้งลดการใช้ไฟฟ้าในรถลงให้มากที่สุด เช่น ปิดวิทยุและระบบนำทางในรถก่อน เป็นต้น 
ถึงตอนนี้คนขับรถก็คงรู้แล้วว่าเมื่อไฟเตือนขึ้นว่าน้ำมันหมด รถจะวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันรถใกล้จะหมดแล้วขับต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่แน่ว่าจะมีปั๊มน้ำมันอยู่ข้างหน้าหรือไม่ ดังนั้น ควรตรวจสอบระดับน้ำมันของรถว่ามีเพียงพอใช้ในการเดินทางอยู่เสมอ หากต้องเดินทางไกลก็ควรเติมน้ำมันเอาไว้ให้เต็มถังเสียก่อนดีกว่าการไปเสี่ยงหาเอาข้างหน้า
Total
0
Shares
โพสต์ถัดไป

เทคนิคลับ! การเลือกยางรถยนต์

บทความที่เกี่ยวข้อง

5 รุ่นรถสุดหรู ของเหล่าคนดังในวงการบันเทิงไทย สวย แพง ดูดีมีระดับสมฐานะ

ระดับดาราซูเปอร์สตาร์ไทยตัวท็อปทั้งหลายจะเป็นเจ้าของรถหรูคันไหนบ้าง ต้องห้ามพลาดข้อมูลนี้เด็ดขาด รับรองว่าใครเห็นจะต้องอิจฉากับชีวิตดี ๆ แบบนี้แน่นอน
Avatar
อ่านต่อ

เติมผิดชีวิตเปลี่ยน! เช็คให้ดี น้ำมันชนิดไหนเหมาะกับรถของเรา

หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เรามักจะได้ยินคนเติมน้ำมันที่ไม่เหมาะสมกับรถคันนั้น ๆ ส่งผลให้รถเกิดความเสียหายตามมามากมาย ซึ่งก็มีไม่น้อยที่มักจะตั้งคำถามว่าควรเลือกน้ำมันชนิดไหนจึงจะดีที่สุดสำหรับรถของเรา ดังนั้นเราจึงนำข้อมูลดี ๆ มาฝากกันค่ะ
Avatar
อ่านต่อ

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ จำเป็นแค่ไหนต้องดู

การตั้งศูนย์ถ่วงล้อเป็นอะไรที่สำคัญมาก อย่าลืมหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยการสลับยางทุก ๆ 10,000 กม. จะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี หรือคิดเป็นระยะทางประมาณ 50,000 กม.ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะถึงเงื่อนไขไหนก่อน และเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางใหม่ก็ควรจะเปลี่ยนและตั้งศูนย์ถ่วงล้อกันด้วยนะคะ
Avatar
อ่านต่อ
Total
0
Share