น้ำยาแอร์รถยนต์เติมเมื่อไหร่ดี คำถามนี้มีคำตอบ

ด้วยสภาพอากาศแบบบ้านเรา ที่ไม่ว่าฤดูไหน ก็ร้อนเกือบตลอดเวลา จนมีคนเอาไปพูดหยอกล้อกันขำ ๆ ว่า บ้านเรามีเพียง ฤดูร้อนและร้อนกว่าเท่านั้น หากเราไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ในบ้านก็คงไม่เป็นไร ถึงแม้ไม่เปิดแอร์ก็ยังพอทนได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีธุระจำเป็นต้องออกนอกบ้าน และจำเป็นต้องใช้รถยนต์ขับออกไปทำธุระ สิ่งจำเป็นที่เราต้องคำนึงถึงก่อนจะสตาร์ทรถก็คือ การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกส่วนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะระบบปรับอากาศรถยนต์หรือแอร์รถยนต์ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อาจต้องนั่งทนร้อนไปตลอดทาง หงุดหงิดเสียอารมณ์กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง หากระบบแอร์รถยนต์เกิดเสียขึ้นมากลางทาง

วันนี้เราจึงขอแนะนำวิธีเช็คระบบแอร์รถยนต์ในเบื้องต้นให้ทราบกันว่า เมื่อไหร่ระบบแอร์รถยนต์มีปัญหา คำตอบง่าย ๆ คือ ให้สังเกตความเย็นที่ออกมาจากแอร์ เอามืออังที่ช่องปรับอากาศก็สามารถสัมผัสได้ทันทีว่า ลมแอร์ที่ออกมาจากช่องปรับอากาศลมแอร์รถยนต์นั้น เย็น หรือ ร้อน

ข้อสังเกตที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นนั้น มีสาเหตุดังนี้

  • ตู้แอร์รถยนต์รั่ว ท่อแอร์ต่าง ๆ เกิดการรั่วซึม โดยเฉพาะท่อน้ำยาแอร์รั่ว เป็นอีกสาเหตุทำให้แอร์ไม่เย็นหรือเย็นเกินไป
  • ลูกสูบคอมเพรสเซอร์แอร์หลวมหรือเสื่อมหมดอายุ ทำให้น้ำยาแอร์วิ่งได้ไม่เต็มที่ ทำให้แอร์ไม่เย็น
  • สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์หย่อน ซึ่งทำให้เกิดเสียงดัง จึงควรเช็คและแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะอาจมีจุดชำรุดอยู่
  • ระบบแผงระบายความร้อนหรือพัดลมหน้าแผงคอยล์ไม่ทำงาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น ส่งผลให้น้ำยาแอร์รั่วได้
  • น้ำยาแอร์รถยนต์หมดหรือขาด ซึ่งสาเหตุที่แอร์ไม่เย็นก็มักจะมาจากสาเหตุข้อนี้เป็นส่วนใหญ่นั่นเอง ซึ่งโดยปกติแล้วน้ำยาแอร์จะเติมทุก ๆ 2 ปี แต่บางทีใช้รถไปนาน ๆ ก็อาจจะมีลืมบ้างว่า เติมน้ำยาแอร์รถยนต์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่กันนะ

วิธีเช็คน้ำยาแอร์รถยนต์ว่ายังมีไหมหรือหมดแล้ว

ดังนั้น วันนี้จะขอแนะนำวิธีเช็คน้ำยาแอร์รถยนต์ว่า ยังมีไหมหรือหมดแล้ว อย่ารอจนกว่าน้ำยาแอร์แห้งหมดจนเกิดปัญหา ควรรีบเติมน้ำยาแอร์ทันที

วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ให้ดูที่ตาแมวแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อสตาร์ทรถแล้วให้เปิดระบบเครื่องปรับอากาศหรือแอร์รถยนต์ กดปุ่ม A/C เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงานด้วย จากนั้นให้ลองส่องดูที่ตาแมวว่าเป็นอย่างไร หากมีฟองเล็ก ๆ สีขาวจำนวนมากตลอดเวลา แสดงว่า น้ำยาแอร์ลดลงหรือเกือบจะหมดแล้ว ถ้าพบอาการแบบนี้เมื่อไหร่ ก็ต้องรีบเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ทันที ในทางกลับกัน หากมีฟองขนาดใหญ่สลับกับไม่มีฟอง อาการแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวล แสดงว่าน้ำยาแอร์ยังมีอยู่

นี่คือวิธีสังเกตง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่หากว่ายังไงก็ดูไม่เป็นทำไม่เป็น ก็ง่าย ๆ เลย ขับรถวิ่งเข้าศูนย์หรืออู่รถยนต์ให้ช่างช่วยทำการเช็คให้ และหากต้องเติมน้ำยาแอร์ก็ให้ช่างช่วยจัดการให้เลย

อย่างไรก่อนออกจากบ้านก็หมั่นตรวจสอบรถยนต์ของคุณให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนนะครับ

Total
0
Shares
โพสต์ก่อนหน้า

คลายข้อสงสัย ถอดรองเท้าขับรถ อันตรายหรือไม่

โพสต์ถัดไป

เช็กก่อนเสียบ ชาร์จมือถือในรถ ทำให้แบตเตอรี่รถเสื่อมไวจริงหรือ

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้หรือไม่ หากรถน้ำมันหมด ไฟเตือนขึ้น จะวิ่งได้อีกไกลแค่ไหน?

หลายคนเมื่อเห็นสัญญาณไฟเตือนว่าน้ำมันจะหมดแล้วก็ตกใจ กลัวว่าน้ำมันจะหมด ซึ่งความจริงแล้วเมื่อไฟเตือนน้ำมันหมดแล้ว รถจะวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน มาดูคำตอบนี้ในบทความนี้กัน
Avatar
อ่านต่อ

บัตรทางด่วน Easy Pass และ M-Pass ต่างกันอย่างไร เลือกใช้แบบไหนถึงเหมาะกับคุณ

สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน เชื่อว่าน่าจะคุ้นเคยกับชื่อบัตรทางด่วน Easy Pass และ M-Pass เป็นอย่างดี แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้ง 2 บัตรนี้ นอกจากชื่อเรียกแตกต่างกันแล้วยังมีอะไรแตกต่างกันอีกบ้าง
Avatar
อ่านต่อ

How to วิธีการดูแลรถที่จอดทิ้งไว้นานๆ ให้ยังใช้ได้ ดูใหม่เสมอ

ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป จากเดิมที่ทำงานในออฟฟิศก็เปลี่ยนมาเป็น WFH รวมถึงโอกาสที่จะออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ก็น้อยลงตามไปด้วย ยิ่งทำให้การจะได้จับพวงมาลัยแล้วขับรถออกไปแทบจะไม่มี รถก็ได้แต่จอดทิ้งไว้นาน ๆ แต่วันดีคืนดีต้องใช้รถขึ้นมา แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่อยากขับ ๆ ไป แล้วรถไปตายกลางทาง หรือรถเกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด วันนี้เราจึงมีวิธีดูแลรถที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ให้ยังใช้ได้ แถมยังดูเหมือนใหม่อีกด้วย
Avatar
อ่านต่อ
Total
0
Share